วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ความแตกต่างทางโครงสร้างของภาษาไทยกับภาษาอังกฤษที่มีผลกระทบต่อการแปล
ชนิดของคำและประเภททางไวยากรณ์ที่สำคัญ
1.ชนิดของคำ เป็นสิ่งสำคัญในโครงสร้าง เพราะเมื่อเราสร้างประโยคเราต้องนำคำมาเรียงร้อยกันให้เกิดความหมายที่เราต้องการสื่อสาร ประโยคจะถูกไวยากรณ์เมื่อเราใช้ชนิดของคำตรงกับหน้าที่ทางไวยากรณ์ เช่น ถ้าต้องการใช้คำที่หน้าที่เป็นประธานของประโยค เราต้องใช้คำนาม แต่ถ้าเราใช้คำชนิดอื่น ประโยคจะผิดไวยากรณ์  
ประเภททางไวยากรณ์  หมายถึงลักษณะสำคัญในไวยากรณ์ของภาษาใดภาหนึ่ง ซึ่งมักสำพันธ์กับชนิดของคำ เช่น บุรุษ พจน์ ลิงค์ การรก กาล มาลา วาจก เป็นต้น ประเภททางไวยากรณ์บางประเภทเป็นสิ่งสำคัญในภาษาหนึ่ง แต่อาจไม่สำคัญเลยในอีกภาษาหนึ่งก็เป็นได้ เช่น พจน์ เป็นสิ่งสำคัญมากในภาษาอังกฤษ ผู้พูดภาษาอังกฤษต้องคำนึงถึงพจน์เสมอ เมื่อจะใช้คำนามนับได้   

1.1 คำนาม เมื่อเปรียบเทียบคำนามในภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ พบว่าประเภททางไวยากรณ์ที่เป็นลักษณะสำคัญหรือลักษณะที่มีตัวบ่งชี้ในภาอังกฤษแต่เป็นลักษณะที่ไม่สำคัญหรือไม่มีตัวบ่งชี้ในภาษาไทย ได้แก่ บุรุษ พจน์ การก ความชี้เฉพาะ และการนับได้ ความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะเหล่านี้จะช่วยในการแปลอย่างมาก
1.1.1 บุรุษ เป็นประเภททางไวยากรณ์ที่บ่งบอกว่าคำนามหรือสรรพนามที่นำมาใช้ในประโยคหมายถึงผู้พูด (บุรุษที่1) และผู้ที่ถูกพูดด้วย (บุรุษที่2) หรือผู้ที่ถูกกล่าวถึง (บุรุษที่3)

1.1.2 พจน์ เป็นประเภทไวยากรณ์ที่บ่งบอกจำนวนว่าเป็นจำนวนเพียงหนึ่ง หรือจำนวนมากกว่าหนึ่ง ภาษาอังกฤษมีตัวชี้พจน์โดยใช้ตัวกำหนดที่ต่างกัน เช่น ใช้ a/an นำหน้าคำนามเอกพจน์เท่านั้น และแสดงพจน์โดยการเติมท้ายหน่วยคำศัพท์ /s/ แต่ในภาษาไทยไม่มีการบ่งชี้เช่นนั้นเพราะภาษาไทยไม่มีการแยกสรรพสิ่งตามจำนวน จริงอยู่เราอาจใช้คำว่า ทั้งหลาย หลายตัว หลายอัน หนึ่งตัว หนึ่งคน และอื่นๆ ขยายคำนามเพื่อให้ตรงกับคำพหูพจน์และเอกพจน์ในภาษาอังกฤษ แต่ไม่เป็นธรรมชาติของภาษาไทย  

1.1.3 การรก คือประเภททางไวยากรณ์ของคำนามเพื่อบ่งชี้ว่าคำนามนั้นเล่นบทบาทอะไร คือสำพันธ์กับคำอื่นในประโยคอย่างไร เช่นเป็นประธาน กรรม สถานที่และอื่นๆ ภาต่างกันที่มีการกด้วยวิธีต่างกัน ภาษาตระกูลอินโดยูโรเปียน เช่น บาลี สันตกฤต ละติน เยอรมัน ฝรั่งเศส และอังกฤษ มีการแสดงการกที่คำนาม
1.1.4 นามนับได้กับนามนับไม่ได้ คำนามในภาษาอังกฤษต่างจากภาษาไทยในเรื่องการแบ่งเป็น นามนับได้ กับนามนับไม่ได้ ผู้พูดภาษาอังกฤษทุกคนแยกความแตกต่างระหว่างคำนาม เช่น cat, dog , mouse กับคำนามเช่น water, hair ความต่างดังกล่าวนี้แสดงโดยการใช้ตัวกำหนด a/anกับคำนามที่เป็นเอกพจน์ และเติม s ได้ที่คำนามที่เป็นคำนามพหูพจน์ส่วนนามไม่ได้ต้องไม่ใช้ a/an นำหน้าคำนามนับไม่ได้
1.1.5 ความชี้เฉพาะ เป็นประเภททางไวยากรณ์อีกประเภทหนึ่งที่มีความสำคัญในภาษาอังกฤษ แต่ไม่สำคัญในภาษาไทย ได้แก่การแยกความแตกต่างระหว่างนามชี้เฉพาะกับนามไม่ชี้เฉพาะ ผู้พูดภาษาอังกฤษจะเรียนรู้ลักษณะนี้ตั้งแต่เริ่มหัดพูดภาษาอังกฤษ
1.2 คำกริยา
คำกริยานับได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของประโยค การใช้กริยาซับซ้อนกว่าคำนาม เพราะมีประเภททางไวยากรร์ต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้องหลายประเภท เช่น กาล การณ์ลักษณะ มาลา วาจก และ การแยกความแตกต่างระหว่างกริยาแท้กับกริยาไม่แท้
1.2.1 กาล คำกริยาในภาษาอังกฤษต้องแสดงกาลเสมอว่าเป็นอดีต หรือไม่ใช่อดีต ผู้พูดภาอังกฤษไม่สามารถใช้คำกริยาโดยปราศจากกาลบ่งชี้กาล เพราะโลกทัศน์ของพวกเขาสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างเหตุการณ์ในอดีตกับไม่ใช่อดีต
1.2.2 การณ์ลักษณะ หมายถึงลักษณะของการกระทำ หรือเหตุการณ์ เช่นการเดินอยู่ของเหตุการณ์ การเสร็จสิ้นของการกระทำ การเกิดซ้ำของเหตุการณ์ เป็นต้น
1.2.3 มาลา เป็นประเภททางไวยากรณ์ที่ใช้กับคำกริยา มีหน้าที่แสดงว่าผู้พูดมีทัศนคติต่อเหตุการณ์หรือเรื่องที่พูดอย่างไร ในภาษาไทยไม่มีการแสดงมาลา แต่มีในภาษาอังกฤษ
1.2.4 วาจก เป็นประเภททางไวยากรณ์ที่บ่งชี้ความสำพันธ์ระหว่างประธานกับการกระทำที่แสดงโดยคำกริยาว่าประธานเป็นผู้กระทำ หรือถูกกระทำ   
1.2.5 กริยาแท้กับกริยาไม่แท้ คำในภาษาอังกฤษต่างจากภาษาไทยมากในเรื่องการแยกคำกริยาแท้ออกจากกริยาไม่แท้ กล่าวคือในหนึ่งประโยคเดี่ยวจะมีคำกริยาแท้ได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น ซึ่งมีรูปแบบที่เห็นชัดจากการต้องลงเครื่องหมายเพื่อบ่งชี้ประเภททางไวยากรณ์ต่างๆ เช่น กาล มาลา วาจก ส่วนกริยาอื่นๆในประโยคที่ต้องแสดงรูปให้เห็นชัดว่าไม่ใช่กริยาแท้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น